วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2561

สังขยาฟักทองทำเอง

วัสดุดิบ

 น้ำตาล เกลือ นม หรือ กะทิ

ไข่เป็ด

เกลือ

น้ำตาล

ไข่ไก่

นมหรือกะทิ








เสร็จแล้ว



วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561

วิธีทำสังขยาฟักทองแบบชิ้น

วิธีทำสังขยาฟักทองในลูก

สังขยาฟักทองร้านดัง

วิธีทำสังขยาฟักทอง

วิธีทำสังขยาฟักทอง

            1. ใช้มีดเจาะไปที่ขั้วฟักทองออกให้เป็นฝา จากนั้นคว้านเอาไส้ออกจนหมดแล้วนำไปล้างให้สะอาด เตรียมไว้

            2. ผสมไข่ไก่กับน้ำตาลปี๊บ และหัวกะทิให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นำไปกรองผ่านตะแกรง จากนั้นเทใส่ลงในผลฟักทอง โรยฝอยทองด้านบน

            3. ใส่ลูกฟักทองลงชามกระเบื้องขนาดพอดีกัน จากนั้นนำไปนึ่งชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด นานประมาณ 30-40 นาที หรือจนฟักทองสุก ยกออกจากชุดนึ่ง พักไว้จนเย็น ตัดเป็นชิ้น พร้อมรับประทาน


ที่มา  https://cooking.kapook.com/view78179.html

ส่วนประกอบขนม

สังขยาฟักทอง ขนมไทยสีเหลืองทองเนื้อเนียนนุ่ม

ส่วนผสม สังขยาฟักทอง

 ฟักทองลูกเล็ก 1 ลูก









ไข่ไก่ 8 ฟอง









น้ำตาลปี๊บ 100-200 กรัม (ปรับเพิ่ม-ลดตามชอบ)








หัวกะทิ 1 ถ้วย












ฝอยทอง (สำหรับหยอดหน้า)










ที่มาhttps://cooking.kapook.com/view78179.html

วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561

เคล็ดลับในการเลือก ฟักทอง

เคล็ดลับในการเลือก ฟักทอง


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ฟักทอง


1.เลือกจากสี ฟักทองแก่มักจะมีสีเหลืองอมเขียวและสีเขียวขี้ม้ากลมกลืนเป็นสีเดียวกันไปทั้งผลจนถึงขั้วจุก ถ้าเห็นผลฟักทองมีสีลักษณะนี้ ถือว่าสามารถซื้อนำกลับมาทำกับข้าวได้
2.ลองใช้เล็บจิก หากมียางเยิ้มและติดเล็บออกมาแสดงว่าฟักทองผลนั้นแก่ อร่อยและมีเนื้อแน่น เหมาะแก่การทำขนมและอาหาร
3.เสียงเคาะ ผลฟักทองที่แก่นั้นเมื่อเคาะเสียงจะดังทึบๆตันๆ เพราะมีเนื้อแน่น
4.ดูลักษณะของฟักทองที่แก่จัดจะทรงกลมแบน ผิวเปลือกจะสีเข้ม มีผิวขรุขระ ตรงหัวจุกของฟักทองจะมีร่องลึกและรอยบุ๋ม ภายในผลฟักทองมีเนื้อแน่นน้ำหนักประมาณ 2-3 กิโลกรัม ถ้าเจอฟักทองแบบนี้ให้เลือกมาใช้เป็นวัสดุปรุงอาหารได้เลย

ที่มา   http://www.hongthongrice.com/life/5257/egg-custard-pumpkin/

อาหารเพื่อสุขภาพสังขยาฟักทอง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สังขยาฟักทอง ที่มา



เมนูสุขภาพ : ฟักทอง อาหารแคลอรี่ต่ำ บำรุงผิวพรรณ สร้างคอลลาเจน ช่วยชะลอวัย และถนอมสายตา


     ฟักทอง เป็นพืชผักที่จัดอยู่ในพืชตระกูลแตง  มีแคลอรี่ต่ำ วิตามินเอสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณและถนอมสายตา นำมาทำอาหารได้หลายชนิดทั้งคาว-หวาน, ผัด-แกง-ขนม วันนี้เราจะแนะนำขนมสูตรโบราณ คือ “สังขยาฟักทอง” แล้วมันต่างกันอย่างไร??? กับ  “ฟักทองสังขยา” อย่างแรกน่าจะเป็น รูปร่างหน้าตาเหมือนขนมพุดดิ้งหรือคัสตาร์ด ส่วนที่เราจะลองทำกัน ลูกฟักทองที่ภายในบรรจุสังขยานึ่งจนสุก นั่นล่ะค่ะ ขนมหวานไทยที่อร่อยได้รสชาติจากฟักทองเนื้อเนียนนุ่มรวมกับความหอมหวานของสังขยาที่อยู่คู่กัน เป็นขนมไทยที่ทำไม่ยาก สามารถทำทานกันได้ที่บ้าน  ลองมาทำทานกัน


ที่มา  http://www.hongthongrice.com/life/5257/egg-custard-pumpkin/

ประวัติสังขยา

ประวัติสังขยา

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

    สังขยา หรือที่เรียกในภาษามาเลย์ว่า ศรีกายา หรือกายา เป็นขนมนึ่งทำจากกะทิและน้ำตาล พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศ  เช่น

อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์
กายาหรือศรีกายา (มาจากคำว่าร่ำรวยในภาษามาเลย์) เป็นขนมที่ทำจาก กะทิ ไข่เป็ดหรือไขไก่ ซึ่งขยำให้เข้ากันด้วยใบเตย ปรุงรสหวานด้วยน้ำตาล มีจุดกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพราะใช้เครื่องปรุงที่พบมาในท้องถิ่นคือน้ำตาลมะพร้าวและใบเตย กายายังใช้รับประทานร่วมกับขนมอื่น เช่น pulut tekan ซึ่งเป็นข้าวเหนียวนึ่งที่ย้อมให้เป็นสีม่วง pulut seri muka ข้าวเหนียวนึ่งที่ย้อมให้เป็นสีเขียวด้วยใบเตย

ฟิลิปปินส์
สังขยาในฟิลิปปินส์ทำจากกะทิ และน้ำตาลหรือกากน้ำตาล

ไทย
สังขยาในไทยเป็นขนมที่จัดอยู่ในกลุ่มที่ได้รับอิทธิพลจากโปรตุเกส นิยมรับประทานกับข้าวเหนียว หรือใส่ในฟักทอง เผือกหรือมะพร้าว แล้วนำไปนึ่ง เป็นคนละชนิดกับสังขยาที่กินกับขนมปัง

กัมพูชา
สังขยาในกัมพูชา ลักษณะคล้ายสังขยาในประเทศไทย นิยมปรุงกับฟักทองแบบสังขยาฟักทองในไทย

ที่มา http://sungkhayafugthong.blogspot.com/2013/10/blog-post.html

สรรพคุณและประโยชน์ของฟักทอง


ประโยชน์ของฟักทอง

สรรพคุณและประโยชน์ของฟักทอง

-ฟักทองมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการชะลอวัยและความแก่ชรา
-ช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพผิวให้เปล่งปลั่งสดใสและช่วยปกป้องผิวไม่ให้เหี่ยวย่น
-ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
-ฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย
-ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
-น้ำมันจากเมล็ดฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงประสาท
-เมล็ดฟักทองช่วยทำให้อารมณ์ดี เพราะมีสารที่ช่วยในการสร้าง Serotonin ซึ่งมีผลต่ออารมณ์
-มีฤทธิ์ในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
-เป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรืออยากลดความอ้วน เพราะมีไขมันน้อย กากใยสูง
-ฟักทองมีกรดโปรไบโอนิค ซึ่งมีส่วนทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง
-มีส่วนช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง
-มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหัวใจ
-ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยบริเวณข้อเข่า บั้นเอว
-มีส่วนช่วยป้องกันโรคผิวหนัง
-เปลือกฟักทองมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด -ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
-ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายหรือหลังจากร่างกายทำงานอย่างหนัก และทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
-รากฟักทองนำมาต้มกับน้ำดื่มช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ
-ฟังทอกจัดว่ามีกากใยอาหารสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการขับถ่าย
-ฟักทองมีฤทธิ์อุ่นซึ่งจะช่วยย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี
-ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ
-มีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะ
-ช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่ว
-ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากขยายใหญ่มากขึ้น
-ช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ
-ช่วยขับพยาธิตัวตืด โดยนำเมล็ดฟักทองประมาณ 50 กรัม นำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำตาล นม และเติมน้ำลงไปจนได้ประมาณ 500 มิลลิลิตร แล้วนำมาแบ่งรับประทานเป็น 3 ครั้ง ทุก ๆ 2 ชั่วโมง
-ช่วยบำรุงตับและไตให้แข็งแรง
-รากฟักทองเมื่อนำมาต้มดื่มจะช่วยถอนพิษจากแมลงกัดต่อย ถอนพิษของฝิ่นได้เยื่อกลางของผลฟักทอง สามารถนำมาใช้พอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวดและอักเสบได้
-ใช้รับประทานเป็นอาหารว่าง อย่างน้ำฟักทองคั้นสด พายฟักทอง
นำมาใช้ในการประกอบอาหารได้ย่างหลากหลาย เช่น ซุปฟักทอง แกง กินกับน้ำพริก เป็นต้น

ที่มา https://medthai.com/%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87/

ฟักทอง

        ฟักทอง (Pumpkin)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ฟักทอง
         ฟักทอง (Pumpkin) จัดเป็นพืชผักสวนครัวที่นิยมปลูก และรับประทานกันอย่างแพร่หลายในทุกประเทศ เนื่องจากมีส่วนต่างๆที่นำมารับประทานได้ อาทิ เนื้อผลใช้ประกอบอาหารคาวหวานหลายชนิด ส่วนเมล็ดนำมาคั่วใช้รับประทานเป็นอาหารคบเคี้ยวยามว่าง รวมถึงยอดอ่อนฟักทองยังนิยมนำมาลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก และใช้ประกอบอาหารจำพวกผัด และแกงต่างๆ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cucurbita moschata Decne
ชื่อสามัญ : Pumpkin
ชื่อท้องถิ่น :
ภาคกลาง และทั่วไป
– ฟักทอง
ภาคเหนือ
– มะฟักแก้ว
– ฟักเขียว
– หมักคี้ล่า เหลืองเคล้า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
– หมากฟักเหลือง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน)
ภาคใต้
– น้ำเต้า
ภาคอีสาน
– หมักเอื้อ
– หมากเอื๋อ
– หมากฟักเหลือง
– มะน้ำแก้ว


ฟักทองมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่
– Cucurbita moschata
– Cucurbita pepo
– Cucurbita maxima (ฟักทองเอเชีย และเป็นชนิดที่ปลูกในไทย)

      จากการขุดพบหลุมฝังศพของชาวอินเดียแดง ที่มีอายุ 2000 ปี ก่อนคริสตกาล พบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับฟักทอง ซึ่งอินเดียแดงบางเผ่ายังใช้ดอกฟักทองเป็นเครื่องประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ส่วนชนชาติจีนมีความเชื่อว่าฟักทองเป็นไม้ผลที่นำความั่งคั่งมาสู่ครอบครัว และฟักทองยังถูกใช้เป็นอาหารของนักสำรวจ และผู้อพยพเข้าทวีปอเมริกา

       ประมาณปี ค.ศ. 1542 ฟักทองชนิด Cucurbita pepo เป็นชนิดแรกที่ถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศแถบยุโรป ต่อมาปี ค.ศ. 1591 จึงนำชนิด Cucurbita moschata เข้ามาปลูกร่วมด้วย และตามด้วยชนิด Cucurbita maxima

ที่มา http://puechkaset.com/%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87/

สังขยาฟักทองทำเอง

วัสดุดิบ   น้ำตาล เกลือ นม หรือ กะทิ ไข่เป็ด เกลือ น้ำตาล ไข่ไก่ นมหรือกะทิ เสร็จแล้ว